[vc_row pix_particles_check=””][vc_column][vc_column_text]
นับตั้งแต่การคว้าแชมป์ ยูโร 2008 ของ ทีมชาติสเปน ซึ่งถือเป็นการคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งที่ 2 ของทีมกระทิงดุ และนั่นก็ส่งผลให้พวกเขากลายมาเป็นชาติมหาอำนาจในวงการลูกหนัง ซึ่งเราคงได้เห็นผลงานของทัพกระทิงดุที่คว้าแชมป์โลกบนแผ่นดินแอฟริกาใต้เมื่อปี 2010 รวมถึงการป้องกันแชมป์ยูโรในปี 2012
ผลงานของ สเปน ก่อนจะมาถึง ฟุตบอลยูโร 2020
ครั้งแรกที่ สเปน เข้าร่วมการแข่งขันคือ ฟุตบอลยูโร 1964 ซึ่งพวกเขาเป็นเจ้าภาพ และสามารถคว้าแชมป์ไปครองได้ด้วยการเอาชนะ สหภาพโซเวียต 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศ แล้วก็หายจากรายการไปนาน หรือได้กลับเข้าไปร่วมรายการแต่ก็ร่วงตกตั้งแต่รอบแรก ก่อนที่จะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงฯอีกครั้งในปี 1984 แต่ก็ต้องพลาดท่าตกรอบด้วยทีเด็ดจาก มิเชล พลาตินี
หลังจากนั้น สเปน ไม่ได้เข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศอีกเลย ไม่แม้แต่จะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบตัดเชือก บางครั้งพวกเขาก็ร่วงตั้งแต่รอบแรก หรือถ้าผ่านเข้ารอบไปได้ ก็มักจะจอดป้ายที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนที่จะมาปลดแอกด้วยการคว้าแชมป์ได้สำเร็จในปี 2008 จากประตูชัยของ เฟร์นันโด ตอร์เรส ที่ยิงดับ เยอรมนี 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ
สเปน กลับมาอีกครั้งในปี 2012 แล้วก็ปราบทั้ง ฝรั่งเศส และ โปรตุเกส ในรอบน็อคเอาต์ ก่อนที่จะถล่ม อิตาลี 4-0 คว้าแชมป์ได้สองสมัยติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นยุคทองของทีมชาติสเปนในยุคนั้น (2008-2012) ที่มีผู้เล่นระดับโลกอยู่พร้อมหน้าในทุกตำแหน่ง และมีระบบการเล่นที่ทรงประสิทธิภาพจนถูกยกให้เป็น 1 ในทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์
ดาวเด่นของ สเปน ใน ยูโร 2020 รอบคัดเลือก
ทัพกระทิงดุ เก็บชัยชนะได้ 8 จาก 10 นัดในรอบคัดเลือก และทำได้ถึง 31 ประตูโดยที่เสียไปแค่ 5 ลูก เรียกได้ว่าผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายได้แบบลอยลำ ส่วนดาวเด่นของพวกเขาในรอบคัดเลือกจะไม่ได้มาจากสองยักษ์ใหญ่ใน สเปน เหมือนในยุคก่อน แต่ยังคงมี เซร์คิโอ รามอส กองหลังกัปตันทีมเป็นกำลังสำคัญ
อัลบาโร โมราตา และ โรดริโก รวมถึง รามอส ถือเป็นดาวซัลโวประจำทีมในรอบคัดเลือก ซึ่งพวกเขาทำไปคนละ 4 ประตู แล้วก็มี ปาโก อัลกาเซร์ กับ เคราร์ด โมเรโน ที่ช่วยกันทำคนละ 3 ประตูให้ สเปน คว้าอันดับ 1 ของกลุ่มเอฟในรอบคัดเลือก
ขุนพล ทีมชาติสเปน ในฟุตบอล ยูโร 2020
หลุยส์ เอ็นริเก กุนซือทีมชาติสเปน เลือกใช้ผู้เล่นจากหลายสโมสรในลีกดังของยุโรป อย่างไรก็ตาม เซร์คิโอ รามอส จะไม่ได้ติดทีมชุดนี้ เนื่องมีอาการบาดเจ็บรบกวนมาตั้งแต่ช่วงต้นปี และได้โอกาสลงเล่นไม่มากนัก ส่วนผู้เล่นที่ถูกส่งชื่อล่าสุดทั้งหมด 24 คน ที่จะได้ไปลุยศึกฟุตบอลยูโร 2020 ช่วงกลางปี มีดังต่อไปนี้
-
ผู้รักษาประตู
ดาบิด เด เคอา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), โรเบิร์ต ซานเชซ (ไบรท์ตัน) และ อูไน ซิมง (แอธเลติก บิลเบา)
-
กองหลัง
อายเมอริค ลาปอร์กต์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ดีเอโก ยอเรนเต (ลีดส์), เปา ตอร์เรส (บียาร์เรอัล), เอริค การ์เซีย (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), โฆเซ กายา (บาเลนเซีย), ฆอร์ดี อัลบา (บาร์เซโลนา) และ เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา (เชลซี)
-
กองกลาง
เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (บาร์เซโลนา), โกเก้ (แอตเลติโก มาดริด), ติอาโก อัลคันทารา (ลิเวอร์พูล), โรดรี (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ฟาเบียน รุยซ์ (นาโปลี), เปดรี (บาร์เซโลนา) และ มาร์กอส ยอเรนเต (แอตเลติโก มาดริด)
-
กองหน้า
อัลบาโร โมราตา (ยูเวนตุส), เคราร์ด โมเรโน (บียาร์เรอัล), เฟร์ราน ตอร์เรส (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), มิเกล โอยาร์ซาบัล (เรอัล โซเซียดัด), ดานี โอลโม (แอร์เบ ไลป์ซิก), อดามา ตราโอเร (วูล์ฟแฮมป์ตัน) และ ปาโบล ซาราเบีย (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)
โปรแกรมการแข่งขัน ยูโร 2020 รอบสุดท้ายของ สเปน ในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี
- 14 มิ.ย. สเปน พบ สวีเดน (รามอน ซานเชซ ปิซฆวน, สเปน)
- 19 มิ.ย. สเปน พบ โปแลนด์ (รามอน ซานเชซ ปิซฆวน, สเปน)
- 23 มิ.ย. สโลวาเกีย พบ สเปน (รามอน ซานเชซ ปิซฆวน, สเปน)
รอบ 16
- โครเอเชีย พบ สเปน – 28 มิถุนายน เวลา 02.00 น., เวลา 23.00 น. (ปาร์เกน สเตเดียม กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก)
รอบ 8
- สวิตเซอร์แลนด์ พบ สเปน – 2 กรกฎาคม เวลา 23.00 น. (กัซพรอม อารีนา เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย)
รอบรองชนะเลิศ
- อิตาลี พบ สเปน – 7 กรกฎาคม เวลา 02.00 น. (สนามเวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ)
[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]